Last updated: 18 ต.ค. 2566 | 758 จำนวนผู้เข้าชม |
รถเป็นรอยคราบน้ำ เป็นคราบน้ำที่กระจก
มีวิธีแก้ไขยังไง
คราบน้ำเกิดจากการที่เราใช้งานรถในชีวิตประจำ ไม่ว่าจะโดนน้ำหยดใส่รถ โดนฝน ลุยน้ำท่วมขัง ล้างรถแล้วเช็ดน้ำออกไม่หมด หากปล่อยคราบน้ำทิ้งไว้ให้แห้งเอง คราบน้ำพวกนี้จะจับตัวกับฝุ่นและตกตะกอนเป็นคราบหินปูนสะสม ซึมลงสู่ชั้นแล็คเกอร์หรือซึมลงชั้นสีได้
ส่วนคราบน้ำที่กระจก หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน คราบน้ำจะทับถมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทัศนวิสัยการขับขี่ลดน้อยลง ทำให้เกิดปัญหาขณะใช้ที่ปัดน้ำฝน ทำให้ใบปัดน้ำฝนสะดุด ส่วนกระจกข้างจะทำให้เกิดปัญหากระจกสะดุดเวลาเลื่อนกระจกขึ้นลงเช่นกันครับ
จุดสังเกตรอยคราบน้ำ
สามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ
1. แบบยังไม่ฝังลึก
คราบน้ำประเภทนี้ยังสามารถล้างออกหรือใช้ผ้าเช็ดออกได้บางส่วน ยังไม่ซึมถึงชั้นแล็คเกอร์ ถึงแม้ว่าใช้คู่กับน้ำยาเช็ดทำความสะอาดอื่นๆ ก็ยังคงทิ้งรอยคราบน้ำไว้บนพื้นผิวอยู่ ยังไม่ออก 100% (แค่รอยจางลง)
2. แบบฝังลึก
คราบน้ำประเภทนี้จะซึมลึกลงไปถึง “ชั้นแล็คเกอร์” หรือ “ชั้นสีรถ” ไม่สามารถล้างออกหรือใช้ผ้าเช็ดออกได้ แม้ว่าใช้น้ำยาลบรอยเฉพาะทางแล้วก็ตาม รอยคราบน้ำจะยังคงอยู่ไม่จางลงครับ
วิธีแก้ไขรอยคราบน้ำ
ในขั้นตอนนี้ผมอยากแนะนำวิธีการแก้ไขรอยคราบน้ำในแบบฉบับของนัก Detailing ใช้กันนะครับ นั่นคือการไล่ระดับการแก้ไขรอยจากเบาไปหาหนัก เพื่อลดการเกิดความเสียหายต่อพื้นผิวรถมากที่สุด
ทำไมจึงต้องไล่จากเบา > ไปหาหนัก ?
เพราะในการแก้ไขรอยพวกนี้ บางครั้งเราอาจจะวิเคราห์รอยที่เกิดขึ้นไม่ขาด 100% ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดกระบวนการการแก้ไขแบบผิดๆ ทำให้เกิดความเสียได้
แต่ถ้าเรารู้จักการไล่ระดับการแก้ไขด้วยวิธีที่ซอฟท์ที่สุดก่อน ย่อมมีความปลอดภัยและชัวร์กว่าที่จะเริ่มจากวิธีการหนักๆเลย เพราะบางครั้งเราแทบไม่ต้องไปถึงขั้นตอนหนักเลยด้วยซ้ำครับ
วิธีแก้ไข : รอยคราบน้ำแบบ ”ไม่ฝังลึก”
รอยแบบนี้เราสามารถทำเองได้ ถึงแม้ว่าจะล้างไม่ออกหรือเช็ดออกไม่หมด ผมแนะนำให้ใช้น้ำยาสูตรเฉพาะ ที่สามารถลบคราบน้ำได้โดยตรง นั่นคือน้ำยา WIBWUB Spot Clean เป็นน้ำยาที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อลบรอยคราบน้ำโดยเฉพาะ สามารถใช้ลบคราบน้ำบนพื้นผิวโครเมียม พื้นผิวรถ และพื้นผิวกระจกได้
วิธีนี้ถือเป็นขั้นตอนที่ง่ายและปลอดภัยต่อพื้นผิวมากที่สุด ไม่ทำให้สีรถบางลง
1. เตรียมพื้นผิวให้สะอาด
ให้เราทำความสะอาดพื้นผิวรถที่ต้องการแก้ไข ให้ปราศจากคราบฝุ่นหรือคราบเลอะก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วน เช่น ล้างทำความสะอาด,ใช้น้ำยา Waterless เช็ดเก็บฝุ่น/คราบเลอะ หรือถ้าฝุ่นไม่มากสามารถใช้น้ำยากลุ่ม Quick Detailer อย่าง WIBWUB Mind คู่กับผ้าไมโครไฟเบอร์ Magarita ได้เช่นกันครับ
ส่วนพื้นผิวกระจกให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดจก WIBWUB Visible เช็ดทำความสะอาดก่อนนะครับ เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนที่กระจก
แนะนำให้เตรียมผ้าไมโครไฟเบอร์ไว้ประมาณ 4-5 ผืนครับ
2. ลบรอยคราบน้ำ
เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้น้ำยา Spot Clean เทลงบนฟองน้ำ Microfiber Applicators ให้ชุ่มเต็มหน้าฟองน้ำ (ประมาณ 5 หยด) จากนั้นให้ทาไปยังพื้นผิวที่มีรอยคราบน้ำเป็นแนว สลับเป็นแนวตั้งและแนวนอนให้ทั่วทั้งชิ้นงาน (ในขณะที่ทาน้ำยา ถ้ารู้สึกว่าน้ำยาบางไป สามารถเทเติมใส่ฟองน้ำได้เลย) ให้ทาจนเห็นว่าคราบน้ำหายไปนะครับ
**ระหว่างทาห้ามขยี้ที่รอยหรือขัดเด็ดขาดนะครับ เพราะอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่พื้นผิวได้
หลังจากทาจนทั่วชิ้นงานแล้วจะเห็นว่าน้ำยาเริ่มแห้ง ให้เราใช้น้ำยา Waterless กับผ้าไมโครไฟเบอร์ Martini ฉีดไปยังพื้นผิวให้ชุ่ม เพื่อเช็ดเก็บคราบน้ำยาและคราบสกปรกออก หรือสามารถใช้น้ำสะอาดกับผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดได้เช่นกันครับ
สำหรับพื้นผิวกระจก พื้นผิวโครเมียม หรือส่วนเปียโนแบล็ค ให้ใช้วิธีการเดียวกันได้เลยนะครับ
***Tip & Trick***
สำหรับรถคันไหนที่ทำวิธีนี้แล้ว แล้วรู้สึกว่าคราบน้ำยังออกไม่หมด แนะนำให้ทำวิธีการเดิมซ้ำหลายๆรอบ จนลบคราบน้ำออกจนหมดนะครับ
แต่ถ้าลองทำหลายรอบแล้ว สังเกตว่ารอยคราบน้ำยังเหมือนเดิมอยู่นั้น ให้สันนิษฐานได้เลยว่ารอยดังกล่าวอาจซึมลึกลงไปถึงชั้นแล็คเกอร์หรือชั้นสีแล้ว ต้องอาศัยการแก้ไขในขั้นตอนถัดไปครับ
วิธีแก้ไข : รอยคราบน้ำแบบ “ฝังลึก”
คราบน้ำประเภทนี้จะซึมลึกลงไปถึง “ชั้นแล็คเกอร์” หรือ “ชั้นสีรถ” ไม่สามารถล้างออกหรือใช้ผ้าเช็ดออกได้ แม้ว่าใช้น้ำยาลบรอยเฉพาะทางแล้วก็ตาม รอยคราบน้ำจะยังคงอยู่ไม่จางลง ต้องอาศัยเครื่องขัดสีขัดลบรอยคราบน้ำออกเท่านั้น
แต่ถ้าคราบน้ำซึมลงไปถึง “ชั้นสี” อาจจะต้องใช้การขัดแบบกระดาษทรายช่วยในการลบรอย และสิ่งที่ตามมาคือทำให้สีรถบางลงแน่นอนครับ
ส่วนพื้นผิวกระจกอาจจะต้องใช้การขัดแบบเดียวกับสีรถ หรือใช้ใบมีดโกนแมลงปอขูดเอาคราบน้ำออก ซึ่งอาจจะทำให้กระจกเป็นรอยได้เช่นกัน
ดังนั้นการที่จะแก้ไขคราบน้ำลักษณะนี้ต้องใช้ผู้มีความเชี่ยวชาญในการขัดลบรอยหรือขัดกระดาษทราย เพราะต้องใช้ความชำนาญ ความละเอียดสูง และใช้อุปกรณ์พร้อมเครื่องมือหลายชนิด แนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการคาร์แคร์ที่ได้มาตรฐาน หรือร้านประจำที่คุ้นเคยจะปลอดภัยและดีที่สุด เพราะถ้าเราฝืนทำเอง อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายถึงขั้นต้องทำสีใหม่ได้เลยครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับวิธีการการแก้ไขรอยคราบน้ำบนพื้นผิวต่างๆ หวังว่าจะช่วยทุกคนที่เจอปัญหานี้ได้บ้างนะครับ และถ้าใครไม่อยากพบเจอปัญหาคราบน้ำแบบนี้ ผมแนะนำให้หมั่นเคลือบสีเพื่อปกป้องพื้นผิวสีรถ พื้นผิวโครเมียม อยู่เป็นประจำ เพราะการเคลือบสีนั้นเป็นการสร้างชั้นฟิล์มคอยปกป้องไม่ให้สิ่งสกปรกหรือคราบฝังแน่นเกาะบนผิวรถโดยตรง ทำให้การดูแลรถของเราเป็นเรื่องง่ายและประหยัดเงินได้เยอะเลยครับ
ส่วนบนพื้นผิวกระจกผมแนะนำให้ลงน้ำเคลือบกระจกกันไว้ตลอดนะครับ (น้ำยาเคลือบกระจก WIBWUB X-Glass Shield) เพื่อลดการเกาะของน้ำและป้องกันการเกิดคราบน้ำได้เป็นอย่างดีครับ
19 ต.ค. 2566
24 ส.ค. 2566
19 ต.ค. 2566